ว่าด้วยเรื่องของแบตเตอรี่

ปี ค.ศ. 2020 เกือบจะกลายเป็นปีที่ดีที่สุดของการเริ่มต้นทศวรรษใหม่อันแสนสวยงาม แต่น่าเสียดายที่ภาพฝันทั้งหลายถูกทำลายจนไม่เหลือซาก ด้วยการระบาดของโรค COVID-19 ไฟป่าในออสเตรเลีย ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ปัญหาโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในช่วงเวลาที่ดูจะมืดมนนี้ วงการพลังงานที่เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่สมัยใหม่ของมนุษย์ ยังคงต้องดำเนินต่อไป และด้วยมาตรการ Lock Down ที่บังคับให้ผู้คนต้องกักตัวอยู่แต่ในบ้าน แน่นอนว่าความต้องการใช้พลังงานย่อมต้องเพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มหันไปหาพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อลดค่าไฟจากกริด เพราะถึงแม้จะลงทุนสูงในช่วงแรก แต่ในระยะยาวแล้วพลังงานสะอาดในระดับครัวเรือนสามารถคืนกำไรได้เลยด้วยซ้ำ
ปัญหาใหญ่ของระบบการผลิตพลังงานด้วยโซลาร์เซลล์ นอกจากราคาที่ทำให้หลายคนหวั่นไหว คือเรื่องของแบตเตอรี่ที่ใช้ในการเก็บพลังงาน เพราะถ้าระบบเก็บพลังงานห่วยแตก ระบบทั้งหมดก็แทบจะไร้ค่าไปในทันที แถมด้วยการใช้พลังงานตามระบบ Duck-curve ที่ผู้คนใช้ไฟไม่ตรงกับช่วงเวลาการผลิตของโซลาร์เซลล์ การเก็บพลังงานเอาไว้ใช้จึงจำเป็นอย่างที่สุด
เราอาจจะคุ้นชินแค่ระบบจ่ายไฟเล็ก ๆ ที่ทำงานคู่กับถ่านไฟฉายที่ชาร์จไฟใหม่ได้ แต่แบตเตอรี่ จริง ๆ เป็นมากกว่านั้น ตั้งแต่จ่ายไฟให้รถยนต์ เครื่องบิน ระบบไฟในอาคาร จนถึงสร้างสมดุลในระบบกริดของประเทศ ล้วนเป็นหน้าที่ของแบตเตอร์รี่ทั้งสิ้น การพัฒนาประสิทธิภาพของแบตเตอรี่จึงเป็นเรื่องใหญ่ในวงการวิจัย เปรียบเสมือนโอกาสทองที่รอให้ถูกคว้าไปครองเลยก็ว่าได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างให้ความสนใจกับการศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้มากขึ้น
ในบรรดาชื่อของผู้แข่งขันทั้งหลายในสังเวียนนี้ หนึ่งบริษัทที่ดูจะ ‘อิน’ กับเรื่องนี้มากกว่าใครเพื่อนคงไม่พ้นชื่อ Tesla บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังอันเป็นอีกหนึ่งบริษัทลูกรักของ Elon Musk เจ้าของ SPACEX นั่นเอง
Tesla อาจจะไม่ได้กำเนิดมาในสายการผลิตแบตเตอรี่โดยตรง แต่การที่แบตเตอรี่เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้รถไฟฟ้าวิ่งได้ Tesla จึงเกี่ยวพันกับวงการนี้มาอย่างปฏิเสธไม่ได้ และในงานประชุมอัพเดทสถานการณ์ของบริษัทประจำปี ค.ศ. 2020 ดูเหมือนว่า Tesla กำลังเตรียมพร้อมอีกครั้งหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงโลกพลังงานไปตลอดกาล

จากแคดเมียมสู่ลิเทียมไอออน
แบตเตอรี่ที่ใช้ในระบบผลิตไฟฟ้าและที่ Tesla พัฒนาอยู่เป็นระบบเซลล์ทุติยภูมิ หมายความว่าเซลล์แบตเตอรี่ความสามารถเก็บพลังงานเข้าไปและจ่ายออกมาได้ วนเป็นรอบ ๆ ไปเรื่อย ๆ (Rechargable) ต่างจากถ่านไฟฉายธรรมดาเช่น ถ่านอัลคาไลน์ ที่ใช้แล้วหมดไป
กลุ่มแบตเตอรี่ชาร์จได้ในยุคแรกมีประสิทธิภาพที่ไม่ค่อยดีนัก รวมถึงมีราคาแพงมาก แต่ในยุคปัจจุบันมันได้กลายเป็นเทคโนโลยีที่ปฏิวัติชีวิตของทุกคนไปเรียบร้อย ลองมองดูรอบตัวเราก็จะเห็นว่ามีแบตเตอรี่ประเภทนี้อยู่เต็มไปหมด ทั้งคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ ล้วนใช้ระบบเซลล์ทุติยภูมิทั้งสิ้น แถมถ่านชาร์จในขนาด AA (ถ่านไฟฉาย) ได้กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นอีกด้วย สำหรับคนที่ไม่อยากสร้างขยะอันตรายจากการโยนถ่านอัลคาไลน์ทิ้ง และด้วยความที่ทั้งนาฬิกา ของเล่น รีโมททีวี ล้วนใช้งานแบตเตอรรี่ชาร์จได้ไม่ต่างจากถ่านปกติ ยอดขายและการผลิต รวมถึงปริมาณการใช้งานจึงพุ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
หลักการทำงานของถ่านชาร์จสมัยแรก ๆ ใช้ส่วนประกอบหลักเป็น นิกเกิล-แคดเมียม (NiCd) ซึ่งถูกคิดค้นโดย Waldemar Jungner ในประเทศสวีเดน ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1899 ตัวนิกเกิลและแคดเมียมทำหน้าที่เป็นอิเลกโทรด (Electrode) หรือขั้วไฟฟ้า เก็บพลังงานโดยใช้ปฏิกิริยาเคมีไฟฟ้าที่สามารถผันกลับได้ เมื่อมีการสะสมประจุอิเลกตรอนเข้าไป เซลล์ไฟฟ้าจึงจะสามารถจ่ายพลังงานออกมาได้ครับ
แต่แบตเตอรี่ชนิดนี้ต้องหลีกทางให้แบตเตอรี่ประเภท นิกเกิล – เมทัลไฮไดร (NiMH) และ ลิเทียม-ไอออน (Li-ion) เพราะสารแคดเมียมนั้นมีพิษ แบตเตอรี่ประเภท NiCd จึงแทบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว หลังจากที่ยุโรปแบนการใช้งานในปี ค.ศ. 2004
มาตรฐานแบตเตอรี่ประเภททุติยภูมิในปัจจุบันต้องยกให้แบตเตอรี่ประเภท Li-ion อันเป็นผลจากการค้นคว้าของ John Goodenough, M. Stanley Whittingham, Rachid Yazami และ Koichi Mizushima ในช่วงปี ค.ศ. 1970–1980 ก่อนถูกสร้างขึ้นโดย Akira Yoshino ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีไปพร้อม ๆ กับ Goodenough และ Whittingham ในปี ค.ศ. 2019
แบตเตอรี่ Li-ion ถูกใช้แพร่หลายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ และกล้อง ขณะที่แบตเตอรรี่ NiMH เข้าจับจองตลาดถ่านไฟฉายชาร์จสำหรับการใช้งานทั่วไป โดยเฉพาะยี่ห้อที่ดังแบบสุด ๆ ในปัจจุบันคือ eneloop ที่มาพร้อมแพกเกจจิ้งสีขาวสะดุดตา เป็นการสร้างเอกลักษณ์ที่ชัดเจนให้กับแบตเตอรี่ประเภทนี้ไปแล้ว แน่นอนว่าราคาอาจจะสูง แต่ก็คุ้มในระยะยาวและช่วยลดปริมาณขยะได้จริง

พระเอกก็มาถึงแล้วในตอนนี้ lithium nickel manganese cobalt oxide (NMC)
อีกหนึ่งประเภทของแบตเตอรี่ทุติยุภูมิ คือชนิด ลิเทียม-ไอออน โพลีเมอร์ (LiPO) ที่นิยมใช้ในเครื่องบิน เรือ จนถึงอุปกรณ์บังคับ เช่น รถบังคับวิทยุและโดรน แบตเตอรี่ชนิดนี้มีความหนาแน่นในการสะสมพลังงานที่สูงกว่า สามารถผลิตได้ในแทบจะทุกรูปทรง เพิ่มความสามารถในการใช้งานขึ้นไปอีกขั้น
นอกจากนั้นแล้วยังมีแบตเตอรี่ประเภททุติยภูมิอีกเพียบที่กำลังถูกทดลองและพัฒนากันอยู่ แต่ละชนิดก็มีส่วนประกอบที่แตกต่างกันไป รวมถึงมีขนาดที่เหมาะหรือเฉพาะเจาะจงไปกับการใช้งานด้วย ต่างจากแบตเตอรี่ที่เราคุ้นชินกันในรูปถ่านไฟฉายหรือแผ่นแบนที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
สำหรับแบตเตอรี่ทุติยภูมิที่ใช้ในรถยนต์ Tesla จะมีลักษณะโครงสร้างไม่ต่างจากถ่านไฟฉาย (ทรงกระบอก) แต่มีการเชื่อมต่อกันเป็นแถว ๆ เพื่อสร้าง Battery Pack ขึ้นมาสำหรับติดใต้ท้องรถ โดยหนึ่งแพ็คประกอบด้วยแบตเตอรี่กว่าพันก้อน
อีกหนึ่งข้อแตกต่างสำคัญเลยคือ การที่ Tesla เลือกใช้ส่วนประกอบของแบตเตอรี่เป็น Li-ion เป็นหลัก ล่าสุดก็ได้มีการพัฒนาไปใช้แบตเตอรี่ชนิดลิเทียม-นิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์ออกไซด์ หรือ lithium nickel manganese cobalt oxide (NMC) เพราะเหตุผลด้านประสิทธิภาพที่ดีพอสำหรับการใช้งานในรถยนต์ อันขึ้นชื่อเรื่องการผลาญพลังงานนั่นเอง

Tesla กับแบตเตอรี่แห่งอนาคต
แรกเริ่มเดิมที Tesla ไม่ได้ผลิตเองทั้งหมด เพราะตัวบริษัทได้พึ่งพาความสามารถทางการผลิตของบริษัท Panasonic ผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาแบตเตอรี่ eneloop ชื่อดัง (รวมถึงต่อยอด กิจการของบริษัท Sanyo ด้วย) ทาง Tesla เองมีความต้องการสูงสุดในการที่จะควบคุมการผลิตทุกอย่างเองอยู่แล้ว ในแนวทางเดียวกับ Apple ที่พยายามจะขจัด Supplier ทั้งหลายออกไปเพื่อสร้างความมั่นคงในกระบวนการผลิตด้วยตัวเอง นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่ Tesla ได้ทำการวิจัย In-House เพื่อสร้างแบตเตอรี่ที่ดีขึ้นมา
ล่าสุดในการนำเสนอและอัพเดทผลการดำเนินการขององค์กรในงาน Battery Day เมื่อวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา ทั้ง Elon Musk และ Drew Baglino ประธานอาวุโสด้านวิศกรรมของ Tesla ได้ทำการเปิดตัวเซลล์แบตเตอรี่ใหม่ที่มีชื่อว่า 4680 (มีที่มาจากขนาดของมัน) รวมถึงหนทางในการทำให้เจ้า 4680 กลายเป็นก้าวใหม่ของวงการแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าได้จริง ๆ โดยทาง Tesla เองมีแผนการณ์ที่ชัดเจนอยู่ในใจแล้วพอสมควร ประกอบด้วย
1.ประสิทธิภาพสูงขึ้น ด้วยการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง
ขนาดของแบตเตอรี่ส่งผลโดยตรงต่อปริมาตรในการเก็บประจุตามหลักไฟฟ้าเคมีอยู่แล้ว ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่าแบตเตอรี่ 2170 เดิม จึงทำให้ Tesla มีพื้นที่ภายในแต่ละเซลล์ที่จะยัดพลังงานไฟฟ้าเข้าไปได้อีก และใช้วัสดุน้อยกว่าในการผลิตแต่ละเซลล์เทียบกับปริมาตรที่ได้เมื่อนับจำนวนรวมกันแล้ว แต่ขนาดที่ใหญ่ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป (ไม่งั้นทั้ง Battery Pack ก็คงจะเป็นแบต LiPO ก้อนเบ้อเริ่มไปแล้วครับ) เพราะการจ่ายพลังงานของแต่ละเซลล์ต้องถูกควบคุมให้เหมาะสมกับขนาดและจำนวนเซลล์เสมอ
ขนาดใหม่ที่ Tesla เลือกยังคงจำเป็นที่จะต้องผ่านการทดสอบอีกหลายครั้ง จึงจะพิสูจน์ได้ว่านี่เป็นมาตรฐานที่ดีกว่าจริง ๆ นอกจากขนาดแล้ว Tesla ยังกำจัดฝาหรือขั้วแบตเตอรี่ที่เป็นตุ่มโลหะออกไป เหลือเพียงก้อนม้วนของแผ่นวัสดุที่ไม่ขัดจังหวะเครื่องจักรกลในการผลิตอีกต่อไป การเปลี่ยนวัตถุดิบที่ใช้ร่วมกับลิเทียมยังเป็นอีกทางออกหนึ่งที่ Tesla ใช้ในการพัฒนาแบตเตอรี่ชนิดใหม่นี้ โดยเลือกกระจายใช้วัตถุดิบที่หลากหลายขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาของ Supplier ขณะเดียวกันก็เป็นการทดสอบหาวัสดุที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดีกว่า ในการใช้งานร่วมกับลิเทียมได้ด้วย เช่น ซิลิคอน ที่สามารถใช้แทนแกรไฟท์ได้ถึงแม้ว่าจะมีมวลมากกว่าแต่สามารถที่จะจุอะตอมลิเทียมได้เยอะกว่า เป็นต้น
2.ลดต้นทุนโดยการกำจัดสารโคบอลท์
สารโคบอลท์ ในแบตเตอรี่ชนิด NMC ทำหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพของปฏิกิริยาเคมีไฟฟ้าในระบบเซลล์ และช่วยยืดอายุการใช้งานหรือวงรอบการชาร์จได้ในบางกรณี การนำเอาโคบอลท์ออกไปจากส่วนประกอบ จึงจำเป็นต้องหาวัตถุดิบอื่นที่ดีกว่ามาแทน เหตุผลหลักที่ Tesla ให้ไว้คือ การที่โคบอลท์นั้นมีราคาแพงในการผลิต และความยากลำบากในการขุดเจาะของประเทศต้นทางอย่างคองโก ซึ่งส่งผลให้ Tesla เองถูกฟ้องในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชนมาแล้วจากสภาพการทำงานในเหมืองคองโกที่โหดร้ายทารุณ Tesla จะหาวัตถุดิบหรือองค์ประกอบทางเคมีมาแทนได้หรือไม่คงต้องติดตามกันต่อไป
3.เพิ่มอัตราการผลิตด้วย Gigafactory
Gigafactory คือโรงงานผลิตครบวงจรสุดไฮเทคของ Tesla ซึ่งทำหน้าที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ Li-ion ก็เป็นหนึ่งในผลผลิตของโรงงานนี้ด้วยเช่นกัน Tesla ต้องการที่จะดำเนินการผลิตเองทั้งหมดเพื่อลดต้นทุน และกำจัดความเสี่ยงของ Supplier และค่าใช้จ่ายที่บานปลายจากกระบวนการขนส่งอยู่แล้ว ดังนั้นการลงทุนก้อนใหญ่กับโรงงาน Gigafactory ใหม่จึงเป็นสิ่งที่ Tesla พยายามทำมาโดยตลอด
4.รีไซเคิลให้ได้ 100%
การแก้ปัญหาข้างต้นทั้งหมดได้ในการยิงปืนแค่นัดเดียว คือการนำเอาแบตเตอรี่กลับมาใช้ใหม่ทั้งหมด เป้าหมายนี้อาจจะฟังดูยากเพราะท้ายที่สุดแล้วแบตเตอรี่ทุกชนิดล้วนหมดอายุการใช้งานลงได้เมื่อปฏิกิริยาเคมีภายในดำเนินมาจนถึงจุดสิ้นสุด

หรือ Tesla กำลังเปลี่ยนแปลงโลกพลังงานทั้งใบ?
สิ่งที่ Tesla กำลังทำอยู่ไม่ได้จบแค่ที่ท้องรถอย่างแน่นอนครับ ตามหลักการของระบบ Battery Bank ที่ผมกล่าวไปแล้ว องค์ความรู้ที่ได้จาก Tesla สามารถนำมาประยุกต์กับเรื่องนี้ได้โดยตรง เพราะแบตเตอรี่ของระบบไฟฟ้านี้คงไม่พ้นต้องใช้ส่วนประกอบลิเทียมเหมือน ๆ กัน แถมยังต้องทนถึกพอในการรับมือการจ่ายไฟเข้าออกหลายครั้งจากผู้ใช้หลาย ๆ คน ใกล้เคียงกับแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าและโทรศัพท์ที่ต้องผ่านกระบวนการชาร์จและใช้แทบจะตลอดเวลา
การรีไซเคิลแบตเตอรี่ของ Tesla ยังเป็นอีกหนึ่งองค์ความรู้ที่สำคัญ เพราะในปัจจุบันเราสามารถที่จะผลิตอุปกรร์อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่การกำจัดขยะ e-waste กลับกลายเป็นหายนะอย่างแท้จริง โดยเฉพาะกับประเทศไทยที่ตกเป็นเหยื่อในฐานะแหล่งปล่อยของเสียที่เข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยที่ภาครัฐดูเหมือนยังดูเหมือนจะละเลยเช่นเดิม ทำให้เกิดปัญหามลภาวะและสารพิษรั่วไหลสู่สภาพแวดล้อมมากขึ้นกว่าเดิม
อุปกรณ์เช่นแบตเตอรี่ส่วนใหญ่ เมื่อใช้งานแล้วกลับไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แถมยังเพิ่มความอันตรายในกระบวนการกำจัดมากขึ้นไปอีกเพราะส่วนประกอบที่มีความอันตราย กระบวนการของ Tesla ในการผลิตแบตเตอรี่ชนิดใหม่ที่เหมาะกับการนำมาใช้ใหม่โดยเฉพาะ พร้อม กันกับวิธีการที่จะนำกลับมารีไซเคิลที่เข้ากัน คือสูตรลับของการพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาดแห่งอนาคตเลยก็ว่าได้
นอกจากนั้นยังมีการพัฒนาคอนเซปต์ของ Virtual Power Plant หรือโรงไฟฟ้าเสมือน ที่ดึงเอาความสามารถในการเก็บพลังงานของแบตเตอรรี่มาใช้โดยตรง
ลองจินตนาการว่าทุกบ้านเรือนและอาคารติดแผงโซล่าร์เซลล์พร้อมหน่วยแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงดูสิครับ ถ้าโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟให้ระบบกริดเกิดระเบิดขึ้นมา แทนที่ทุกคนจะต้องนั่งอยู่ในความมืด แบตเตอรี่ของทุกคน (ที่นับเป็นหน่วย) ก็จะจ่ายพลังงานกลับคืนสู่กริดได้ในทันที กลายเป็นที่มาของโรงไฟฟ้าเสมือนนั่นเอง ยิ่งระบบนี้มีประสิทธิภาพและจำนวนผู้ติดตั้งมากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีต่อระบบกริดโดยรวมเท่านั้น ถึงจุดหนึ่ง เราอาจจะไม่ต้องพึ่งโรงไฟ้าอีกเลยก็ได้ เพราะทุกคนผลิตและเก็บพลังงานได้เหมือนปลูกผักไปแล้ว
คอนเซปต์นี้เป็นไปได้ในความเป็นจริง (มีการทดลองจริงแล้วด้วย) รัฐแคลิฟอร์เนียที่เป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้านพลังงานสะอาดทั้งในอเมริกาและระดับโลกเอง ก็พร้อมที่จะนำเอาแนวคิดนี้มาใช้ร่วมกับผู้ผลิตพลังงานในครัวเรือนด้วยเหมือนกัน (ในรัฐนี้เราสามารถผลิตพลังงานขายได้ เหมือนการติดแผงโซล่าร์เซลล์แล้วขายไฟให้ กฟผ.) ซึ่งในเร็ว ๆ นี้เราคงจะได้เห็นการใช้งานจริงในระดับรัฐอย่างแน่นอน

บทส่งท้าย…สรุปข้อดีว่าทำไมวิศวกร Linktech EV ถึงเลือกใชั Lithium NMC
ปี ค.ศ. 2020 มาพร้อมกับความหายนะและความก้าวหน้าอย่างแท้จริง การประกาศตัวและเตรียมพร้อมที่จะพัฒนาของ Tesla นับเป็นหนึ่งในความก้าวหน้านั้นด้วย แบตเตอรี่อาจจะดูเป็นเพียงส่วนประกอบเล็ก ๆ ในวงการอุตสาหกรรมและพลังงานโดยรวม แต่จากวิถีทางของโลกที่กำลังดำเนินไป แบตเตอรี่ที่ดีกว่าได้กลายมาเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับเทคโนโลยีแห่งอนาคตทั้งรถไฟฟ้า เครื่องบินไฟฟ้า ระบบ Smart Home และการสำรวจอวกาศด้วย เพราะตราบใดที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ยังคงมีลมหายใจ เราก็ยังคงต้องพึ่งพาพลังงานต่อไปในทุกรูปแบบ ยิ่งในยุคสมาร์ทโฟนที่ผมเองก็เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงอยากชาร์จแบตออกจากตัวกันได้แล้ว แบตเตอรี่จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากจริง ๆ
ส่วน Elon Musk เชื่อว่าโลกต้องการโรงงานแบบ Gigafactory อีกอย่างน้อย 100 โรงงานเพื่อตอบรับกับความต้องการและผลิตแบตเตอรี่ให้เพียงพอสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานสะอาดอย่างแท้จริง ซึ่งถ้าสิ่งนี้จะช่วยแก้วิกฤติสภาพอากาศที่เลวร้ายลงแบบสุด ๆ แล้วล่ะก็ ผมว่ามันก็คุ้มค่าที่สุดแล้วที่จะทำครับ
กระแสการตื่นตัวและการยอมรับของ EV ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากความสำเร็จของ TESLA ที่สามารถพัฒนา EV ที่สามารถใช้งานได้เป็นอย่างดีในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพลังงาน ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ การอัพเดทซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง และล่าสุดได้พัฒนาแบตเตอรี่ที่มีายุการใช้งานยาวนานกว่า 1 ล้านไมล์ แบตเตอรี่ดังกล่าวเป็นเซลล์แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Li-Ion) ที่มี ‘Single Crytal’ NMC Cathode ยุคใหม่และมี Electrolyte แบบใหม่ที่มีคุณสมบัติก้าวหน้ามากกว่าเดิม โดยสิทธิบัตรนี้ให้ความสำคัญกับเซลล์แบตเตอรี่ซึ่งมีการเติมสารลงไปใน Elrctrolyte และ Vinylene Carbonate (VC) ผสมกับ 1, 2, 6-Oxodithiane-2, 2, 6, 6-Tetraoxide เพื่อเพิ่มความสามารถของเซลล์ สารที่เติมลงไปทั้ง 2 ตัวนั้นทำให้ลดความซับซ้อนและลดต้นทุน ในขณะที่สามารถเพิ่มศักยภาพรวมถึงยืดอายุแบตเตอรี่อีกด้วย โดยเอกสารสิทธิบัตรนั้นมีชื่อว่า ‘Novel Battery Systems Based on Two-Additive Electrolyte Systems Including 1,2,6-oxodithiane-2,2,6,6-tetraoxide’
จากบทความและเทคโนโยีดังกล่าว ทีมวิศวกรไทยที่ออกแบบ Linktech EV ได้นำแบตเตอรี่ Lithium NMC ที่เป็นเทคโนโลยีปัจจุบันของแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงมาใช้ในโครงการ ซึ่งมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในส่วนของแบตเตอรี่ หากมีเทคโนโลยี่ที่ดีกว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ทีมงานสามารถ Up-grade แบตเตอรี่ในรถไฟฟ้า Linktech EV ได้เลยทันที อาจเป็นการเทิร์นแบตเตอรี่เก่าใส่แบตเตอรี่ใหม่ หรืออาจมีวิธีอื่นที่ดีกว่าตามความพึงพอใจของลูกค้า ทีมวิศวกรไทยเรา..ทำได้..ครับ
เครดิตแหล่งที่มา Tesla, Social Network, themomentum, Electrek

 

บทความโดย #Thammakorn
www.linktech-ev.com
www.linktechthailand.com

ฝากติดตามใน Facebook ; LinktechEV และ youtube, IG ; linktech_ev ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/LinktechThailand

#LinktechEV
#โฟล์คเต่าไฟฟ้า
#Volkswagen_LinktechEV
#bpgarage
#รถยนต์ไฟฟ้าโดยวิศวกรไทย

share post:

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

0

Your Cart